วันพุธที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2557

กสิกรไทยคว้า 2 รางวัลธนาคารเพื่อลูกค้ารายย่อยที่ดีที่สุดจาก ดิ เอเชียน แบงเกอร์

          นายปกรณ์ พรรธนะแพทย์ (กลาง) รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย รับ 2 รางวัลใหญ่จากงานมอบรางวัล The Asian Banker Excellence in Retail Financial Services Awards จัดโดยวารสาร ดิ เอเชียน แบงเกอร์ (The Asian Banker) โดยปีนี้ธนาคารได้รับรางวัลธนาคารพาณิชย์เพื่อลูกค้ารายย่อยที่ดีที่สุดใน ประเทศไทย ประจำปี 2556 (Best Retail Bank in Thailand 2013) เป็นปีที่ 5 ติดต่อกัน โดยรางวัลดังกล่าวพิจารณาจากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง มีการพัฒนาระบบและผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง พร้อมกันนี้ยังได้รับรางวัลโครงการสื่อสังคมออนไลน์ยอดเยี่ยม (Best Social Media Project) จากการใช้สื่อสังคมออนไลน์ในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพจน ได้รับการยอมรับว่าเป็นธนาคารผู้นำอันดับ 1 ด้านดิจิตอลแบงกิ้ง ณ โรงแรมแชงกรี -ลา ซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย เมื่อเร็ว ๆ นี้


 

ที่มา :  http://www.kasikornbank.com
วันพุธที่ 9 เมษายน 2557

กสิกรไทยครองแชมป์บริการด้านตราสารหนี้ยอดเยี่ยม7ปีซ้อน

        นายธิติ  ตันติกุลานันท์  ผู้บริหารสายงานธุรกิจตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย รับมอบรางวัลสถาบันการเงินผู้ให้บริการด้านตราสารหนี้ยอดเยี่ยม ประจำปี 2556 (Best Bond House 2013) ซึ่งเป็นรางวัลสูงสุดของสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) ที่ธนาคารได้รับเป็นปีที่ 7 ติดต่อกัน เนื่องจากเป็นสถาบันการเงินที่ให้บริการด้านตราสารหนี้ครบวงจร ด้วยมาตรฐานดีเยี่ยมทั้งตลาดแรกและตลาดรอง โดยมีดร.วรพล โสคติยานุรักษ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เป็นประธานในพธีมอบรางวัล ณ โรงแรมแกรนด์โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ เมื่อเร็ว ๆ นี้


ที่มา : http://www.kasikornbank.com
วันพฤหัสบดีที่ 3 เมษายน 2557

กสิกรไทย ชูยุทธศาสตร์ Tomorrow Comes Today ผู้นำบริการล้ำยุค ครองอันดับ 1 ดิจิตอลแบงกิ้ง

             ธนาคารกสิกรไทย ประกาศยุทธศาสตร์ครองดิจิตอลแบงกิ้งอันดับ 1  ต่อเนื่อง ส่งพันธกิจความเป็นเจ้านวัตกรรมบริการล้ำยุคในทุกมิติ อัดงบลงทุนพัฒนาไอทีไปแล้วกว่า 1,472 ล้านบาท มั่นใจเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ที่จะผลักดันให้ กสิกรไทยเป็น “Main Operating Bank”
          นายธีรนันท์ ศรีหงส์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า จากกระแสด้านการใช้งานเทคโนโลยีด้านการสื่อสารข้อมูลที่กำลังมาแรงทั่วโลก 4 ด้าน ได้แก่ 1) ความแพร่หลายของการใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์ 2) บทบาทของสมาร์ทโฟนที่มีประโยชน์ใช้สอยในชีวิตประจำวันหลายรูปแบบมากกว่าแค่ การโทรศัพท์ 3) รูปแบบการเก็บข้อมูลที่เรียกว่า Cloud ที่จะช่วยให้ธุรกิจบริหารต้นทุนได้ 4) ปริมาณข้อมูลขนาดใหญ่ หรือ Big Data บนเครือข่ายสังคมออนไลน์ ที่ธุรกิจจะสามารถนำไปประมวลผลเพื่อการวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภค และต่อยอดทางธุรกิจเพื่อการเข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย
          เพื่อตอบสนองแนวโน้มพฤติกรรมผู้บริโภคและธุรกิจดังกล่าว ธนาคารกสิกรไทย ได้ประกาศยุทธศาสตร์ครองความเป็นอันดับ 1 ในดิจิตอลแบงกิ้ง ด้วยพันธกิจ “Tomorrow Comes Today เรานำวันพรุ่งนี้ มาให้คุณก่อนใคร” ด้วยการออกนวัตกรรมบริการทางการเงินเพื่อธุรกิจและการใช้ชีวิตที่ล้ำสมัย สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้า และการสนับสนุนนวัตกรรมเพื่ออนาคต โดยการเข้าไปสนับสนุนองค์การหรือโครงการต่าง ๆ เพื่อคิดค้นนวัตกรรมเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีในอนาคต ด้วยแนวคิด K Funding the Future ซึ่งในการผลักดันให้พันธกิจให้บรรลุเป้าหมาย ธนาคารกสิกรไทยวางรากฐานโครงสร้างการบริหารงานและเป้าหมายการดำเนินงาน 3 ด้านสำคัญ  ได้แก่
          1) การขับเคลื่อนภายในองค์กร ให้เป็นองค์กรแห่งนวัตกรรมเพื่ออนาคต โดยจัดตั้งฝ่ายงานพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้านนวัตกรรมโดยเฉพาะ มีเจ้าหน้าที่กว่า 100 คน ทำหน้าที่ในการวางแผนและพัฒนาบริการด้านดิจิตอล แบงกิ้งที่ล้ำสมัยให้เกิด ขึ้นจริง ทีมงานด้านการตลาดบนโลกดิจิตอลเพื่อสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าในเครือข่าย สังคมออนไลน์ ทีมงานพัฒนาระบบเพื่อรองรับบริการใหม่ ๆ และมีการจัดตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจที่ประกอบด้วยผู้บริหารและบุคคลากร ติดตามและวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงของแทรนด์เทคโนโลยีสารสนเทศ พฤติกรรมผู้บริโภค สภาพแวดล้อมทางธุรกิจทั้งของไทยและของโลก เพื่อเป็นแนวทางในการวางแผนพัฒนาบริการ
          2) การพัฒนาและสร้างนวัตกรรมเพื่ออนาคต ธนาคารกสิกรไทยกำหนดแนวทางการพัฒนาดิจิตอลแบงกิ้งเพื่อตอบโจทย์ธุรกิจใน 3 ปีข้างหน้า โดยมุ่งตอบสนองพฤติกรรมลูกค้าที่เปลี่ยนไป เน้นการส่งมอบบริการรวดเร็ว และให้ความสำคัญแก่การพัฒนาบริการธุรกรรมการเงินผ่านโทรศัพท์มือถือ ซึ่งจะเป็นช่องทางการใช้บริการธนาคารที่ได้รับความนิยมในอนาคต ให้สามารถรองรับเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้น โดยธนาคารฯ จะยกระดับบริการธนาคารบนโทรศัพท์มือถือ ให้ทำธุรกรรมได้ครบวงจร แบบ contactless ทั้งการโอนเงิน ชำระบิลต่าง ๆ รวมทั้งการชำระค่าโดยสารระบบขนส่งสาธารณะ และการซื้อสินค้าออนไลน์ ได้ง่ายดาย เบ็ดเสร็จในเครื่องเดียว เป็นธนาคารแรกในไทย

          สำหรับลูกค้าธุรกิจ ธนาคารฯ จะใช้เทคโนโลยีพัฒนาบริการเสริมและต่อยอดบริการที่มีอยู่ให้ธุรกิจของลูกค้า เป็นไปอย่างคล่องตัว อาทิ ธนาคารได้พัฒนาช่องทางดิจิตอลในรูปแบบต่างๆ ที่รองรับความต้องการของผู้ประกอบการธุรกิจ SME โดยเฉพาะ ในรูปแบบของ On-Mobile Platform ซึ่งทำให้ลูกค้าผู้ประกอบการสามารถบริหารจัดการบัญชีส่วนตัวและบัญชี นิติบุคคลบนช่องทางเดียวกันได้ และ On-Cloud Platform เป็นการให้บริการที่รองรับความต้องการพื้นฐานในการดำเนินธุรกิจซึ่งจะช่วยลด ต้นทุนการลงทุนด้านเทคโนโลยีทำให้เริ่มต้นหรือขยับขยายธุรกิจได้อย่างไม่มี ข้อจำกัด ขณะที่ธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีโครงสร้างธุรกิจซับซ้อน ธนาคารจะมีการเชื่อมระบบของธนาคารเข้ากับระบบของพันธมิตรทางธุรกิจของลูกค้า เพื่อช่วยให้เกิดการเชื่อมโยงวงจรธุรกิจตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ด้วยการประยุกต์ใช้รูปแบบและประสบการณ์ทางดิจิตอลที่เหมาะสมเพื่อเพิ่ม ประสิทธิภาพการทำงานของทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง
          นอกเหนือจากการพัฒนานวัตกรรมบริการ ธนาคารกสิกรไทยยังสนับสนุนโครงการนวัตกรรมแห่งอนาคต ภายใต้แนวคิด K Funding the Future เพื่อสนับสนุนการคิดค้นสิ่งใหม่ ๆ ที่สร้างการเปลี่ยนแปลงที่ดีให้กับประเทศไทยและสังคมทั่วโลก โครงการแรกคือ การสนับสนุนการแข่งขัน Microsoft Imagine Cup Thailand ที่ร่วมกับ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด ดำเนินการติดต่อกันมา 5 ปี และปีนี้ธนาคารกสิกรไทยจะมอบเงินสนับสนุน ทีมที่ชนะการแข่งขันและทีมที่ชนะโหวตจาก www.kfundingthefuture.com เพื่อต่อยอดให้โครงการที่เยาวชนทั้ง 2 ทีมสร้างสรรค์ สามารถนำมาใช้ได้จริง และนำไปสู่การแก้ปัญหาสำคัญระดับสังคมและระดับประเทศ 
          3) การบริหารจัดการความมั่นคงปลอดภัยในการทำธุรกรรม ธนาคารกสิกรไทยให้ความสำคัญในเรื่องนี้สูงสุดมาโดยตลอด และจะคงมาตรฐานที่เข้มข้นไว้อย่างต่อเนื่อง โดยมีการศึกษาภัยบนอินเทอร์เน็ตให้เท่าทันเสมอ การวางมาตรการป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตกับองค์กรและลูกค้า อย่างเข้มงวด ธนาคารมีการปรับปรุงด้านไอทีเพื่อป้องกันกลุ่มมิจฉาชีพตลอด มีทีมงานดูแลตลอด 24 ชั่วโมงเรียกว่า ฝ่ายบริหารความเสี่ยงด้านปฏิบัติการและจัดการการทุจริต หรือ ทีม Fraud Management และมีทีม Call Center คอยให้ความช่วยเหลือ ให้คำปรึกษา และรับเรื่องร้องเรียนจากลูกค้า
          ในส่วนของบริการ K-Cyber Banking ธนาคารมีการเพิ่มระดับความปลอดภัยให้เหนือกว่าการใช้งาน SMS OTP ที่ใช้กันอยู่ทั่วไปโดยติดตั้งแอพลิเคชั่นเฉพาะบนโทรศัพท์มือถือเพื่อเพิ่ม ระดับความปลอดภัยในการใช้งาน นอกจากนี้ยังได้มีการปรับปรุงกระบวนการต่างๆ เพื่อให้ได้รับการรับรองมาตรฐานความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศ ISO27001 สำหรับ K-Mobile Banking Plus ธนาคารได้ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยเป็นอย่างมาก โดยใช้เทคโนโลยี Tripple Lock คือ 1.ล็อคการใช้งานกับโทรศัพท์มือถือเฉพาะเครื่อง 2. ล็อคหมายเลขโทรศัพท์เฉพาะที่มีการลงทะเบียนไว้เท่านั้น และ 3. ล็อคด้วยรหัส 6 หลัก ที่ผู้ใช้สามารถกำหนดได้
          นายธีรนันท์ กล่าวว่า ธนาคารกสิกรไทย ได้ตั้งเป้า 3 ปีของการดำเนินยุทธศาสตร์ภายใต้พันธกิจ “Tomorrow Comes Today เรานำวันพรุ่งนี้ มาให้คุณก่อนใคร” มั่นใจว่าจะสร้างมาตรฐานใหม่ในบริการดิจิตอล แบงกิ้ง ให้ลูกค้าจะได้รับบริการล้ำสมัยที่ตอบรับการใช้งานในชีวิตประจำวันและใน ธุรกิจควบคู่กับความปลอดภัยสูงสุด และนำไปสู่การเป็น “Main Operating Bank” เป็นธนาคารที่ลูกค้าใช้เป็นธนาคารหลักในทุกด้านทุกเรื่องของไลฟ์สไตล์ทางการ เงิน  
          ณ สิ้นปี 2556 ธนาคารกสิกรไทยมีส่วนแบ่งการตลาดดิจิตอลแบงกิ้ง เป็นอันดับ 1 โดยมีจำนวนลูกค้ารายย่อยที่ใช้บริการ K-Mobile Banking และ K-Cyber Banking รวมทั้งสิ้น 2.59 ล้านราย หรือคิดเป็นมาร์เก็ตแชร์ 28%  เป็นลูกค้ารายใหม่ที่เข้ามาใช้บริการดิจิตอล แบงกิ้ง เพิ่มขึ้นจากปี 2555 ประมาณ 51% โดยมีการทำธุรกรรมผ่านช่องทางอินเตอร์เน็ต แบงกิ้ง และโมบายล์แบงกิ้ง รวมประมาณ420 ล้านรายการต่อปี คิดเป็นเม็ดเงินหมุนเวียนกว่า 2 ล้านล้านบาท โดยธุรกรรมที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับ 1 คือ ธุรกรรมโอนเงิน ซึ่งมีสัดส่วนถึง 70% รองลงมาจะเป็นการเติมเงินและจ่ายบิลตามลำดับ  โดยที่ผ่านมา ธนาคารฯ ใช้งบประมาณในการพัฒนาไอทีทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์สำหรับบริการดิจิตอลแบ งกิ้งไปแล้วกว่า 1,472 ล้านบาท
          ทั้งนี้ จากข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย พบว่า มูลค่าธุรกรรมการชำระเงินผ่านธนาคารบนโทรศัพท์มือถือ ณ สิ้นปี 2556 เติบโตจากปี 2555 ถึง 28% ขณะที่ลูกค้าผู้ใช้บริการ K-Mobile Banking ของธนาคารกสิกรไทย มียอดเงินหมุนเวียนในการโอนเงิน เติมเงิน จ่ายบิล สูงถึงกว่า 700,000 ล้านบาท เติบโตจากปี 2555 ประมาณ 70% และมีฐานลูกค้าผู้ใช้บริการขยายตัวจากปีก่อน ราว 66%



ที่มา : http://www.kasikornbank.com
วันอังคารที่ 1 เมษายน 2557 

กสิกรไทยและทีเอ็มบี ร่วมปล่อยสินเชื่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ของเสริมสร้างพลังงาน

      นายภานพ  อังศุสิงห์ (ขวา)  ผู้บริหารสายงานวาณิชธนกิจ ธนาคารกสิกรไทย นายวิวรรธน์ ไกรพิสิทธิ์กุล (กลาง) ประธานกรรมการ บริษัท เสริมสร้างพลังงาน จำกัด และ นาย อเล็กซานเดอร์ นนท์ แลงเฟลด์ (ซ้าย) ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ทีเอ็มบี ร่วมพิธีลงนามในสัญญาสนับสนุนทางการเงินจำนวนกว่า 2,700 ล้านบาท สำหรับการก่อสร้างและดำเนินการโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ เสริมสร้างพลังงาน ขนาด 40 เมกะวัตต์ ในอำเภอโคกสำโรง จ.ลพบุรี เพื่อจำหน่ายไฟฟ้าทั้งหมดให้แก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยตามสัญญาซื้อ ขายไฟฟ้าระยะยาว ณ ธนาคารกสิกรไทย สำนักพหลโยธิน เมื่อเร็ว ๆ นี้






ที่มา : http://www.kasikornbank.com
วันอังคารที่ 1 เมษายน 2557 
 

กสิกรไทยชี้แจงประเด็นบนสื่อออนไลน์เรื่องตู้เอทีเอ็ม และแอพพลิเคชั่นธนาคารฯ

      นายปกรณ์ พรรธนะแพทย์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ตามที่มีข้อความส่งต่ออย่างแพร่หลายบนสื่อสังคมออนไลน์ เกี่ยวกับตู้เอทีเอ็มของธนาคารกสิกรไทย ที่ระบุว่า "งดใช้ตู้เอทีเอ็มกสิกรทุกตู้ ที่ไม่มีไฟกระพริบตรงที่เสียบบัตร โดนแฮ็คข้อมูลไปที่ประเทศยูเครน แจ้งความที่สน.ลุมพินี 20 รายแล้ว เจ้าหน้าที่ศูนย์วิทยุสวนลุมยืนยันว่า จริง **ย้ำ**ใช้ได้เฉพาะตู้ที่มีไฟกระพริบเท่านั้น"
          ธนาคารฯ ขอชี้แจงว่า 1) การแฮ็ค ข้อมูลบัตรกรณีที่กล่าวอ้างในข้อความดังกล่าว เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นช่วงเดือนต.ค.-พ.ย.2556 และไม่ใช่เครื่องเอทีเอ็มของธนาคารกสิกรไทย โดยมีกลุ่มคนร้ายได้ติดตั้งเครื่องคัดลอกข้อมูล (Skimmer) ในเครื่องเอทีเอ็มของธนาคารพาณิชย์แห่งหนึ่งบริเวณถนนวิทยุ ส่งผลให้ลูกค้าของธนาคารกสิกรไทยจำนวนหนึ่งที่ไปทำธุรกรรมเครื่องเอทีเอ็ม ต่างธนาคารเครื่องดังกล่าวได้รับผลกระทบ และเกิดความเข้าใจผิดว่าสาเหตุมาจากตู้เอทีเอ็มกสิกรไทย แต่อย่างไรก็ตาม ธนาคารฯได้แก้ปัญหาให้แก่ลูกค้าทุกรายเรียบร้อยแล้ว      
          2) ธนาคารขอยืนยันว่า ปัจจุบันตู้เอทีเอ็มของธนาคารกสิกรไทยได้ติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันการคัดลอก ข้อมูลบัตรแล้วทุกตู้ ส่วนไฟกระพริบที่กล่าวถึงในข้อความดังกล่าว ไม่มีความเกี่ยวข้องกับระบบอุปกรณ์ป้องกันการคัดลอกข้อมูลบัตรที่ติดตั้งบน เครื่องเอทีเอ็มแต่อย่างใด  เป็นสัญลักษณ์เพียงเพื่อบอกตำแหน่งในการใส่บัตรให้ผู้ใช้งานทราบ อีกทั้ง เครื่องเอทีเอ็มบางรุ่นจะไม่มีไฟกระพริบบอกตำแหน่งช่องใส่บัตรดังกล่าว ซึ่งไม่ถือเป็นความผิดปกติแต่อย่างใด 
          ธนาคารกสิกรไทยยืนยันว่าลูกค้าสามารถใช้บริการเครื่องเอทีเอ็มของธนาคารฯ ได้ตามปกติอย่างปลอดภัย ทั้งนี้ ทุกธนาคารให้ความสำคัญเรื่องความปลอดภัยมาตลอด และสำหรับกรณีที่เกิดความเสียหายทางการเงินในลักษณะดังกล่าว ธนาคารเจ้าของบัตรจะเป็นผู้รับผิดชอบให้ทั้งหมด
          นอกจากนี้ ล่าสุด ตามที่มีกระแสข่าวเรื่องแอพพลิเคชั่นปลอมในช่วงนี้นั้น ขอแจ้งว่า ยังไม่พบแอพพลิเคชั่นปลอมใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับธนาคารกสิกรไทย และที่ผ่านมา ธนาคารฯ มีทีมงานที่คอยตรวจหาและดำเนินการกำจัดแอพพลิเคชั่นปลอมเหล่านี้โดยเฉพาะ เพื่อเป็นการเฝ้าระวังมาโดยตลอดอยู่แล้วเช่นกัน นอกจากนี้ ขอให้ข้อมูลเพิ่มเติมแก่ลูกค้าผู้ใช้งานว่า ข้อสังเกตแอพพลิเคชั่นที่เกี่ยวข้องกับธนาคารกสิกรไทย คือ ชื่อของผู้พัฒนาแอพพลิเคชั่น (Developer) จะต้องปรากฏเป็นชื่อธนาคาร คือ KASIKORNBANK PCL เท่านั้น จึงจะเป็นแอพพลิเคชั่นที่ถูกต้องจากธนาคารฯ

ภาพตัวอย่างแอพพลิเคชั่นที่ถูกต้อง





ที่มา : http://www.kasikornbank.com
วันพฤหัสบดีที่ 27 มีนาคม 2557  

กสิกรไทยเปิดสาขาย่อยหลงกั่ง สาขาแห่งที่ 4 ในจีน

          นายปรีดี ดาวฉาย (กลาง) กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เป็นประธานในพิธีเปิดสาขาย่อยหลงกั่ง สาขาของธนาคารกสิกรไทยแห่งที่ 2 ในเมืองเซินเจิ้น และถือเป็นสาขาแห่งที่ 4 ในประเทศจีน เพื่อรองรับการขยายขอบเขตการดำเนินธุรกิจและเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการ แก่ลูกค้าท้องถิ่น รวมทั้งเรื่องการค้าการลงทุนระหว่างประเทศของลูกค้าจีนในกวางตุ้งกับอา เซียน  โดยมีนายเซียว จื้อเจีย (ที่ 3  จากขวา)  รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาบริการทางการเงิน  รัฐบาลประชาชนแห่งเซินเจิ้น และ นางสาลินี วังตาล (ที่ 2 จากขวา) ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย เข้าร่วมแสดงความยินดี ณ เมืองเซินเจิ้น สาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อเร็ว ๆ นี้





ที่มา : http://www.kasikornbank.com
วันจันทร์ที่ 24 มีนาคม 2557

 

กสิกรไทย เปิดสำนักงานย่อย และ เดอะวิสดอม เลาจน์ หอการค้าไทย

              
               นายปรีดี ดาวฉาย (ที่ 2 จากซ้าย) กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย และนายอิสระ ว่องกุศลกิจ (กลาง) ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ร่วมพิธีเปิดธนาคารกสิกรไทย สำนักงานย่อยหอการค้าไทย ซึ่งพร้อมให้บริการแก่ลูกค้าทั่วไป  และเดอะวิสดอม เลาจน์ ที่จัดแสดงสิทธิประโยชน์ทั้งทางด้านการเงินและไลฟ์สไตล์ เพื่อรองรับการบริการแก่ลูกค้าเดอะวิสดอม กสิกรไทย ณ อาคารจุลินทร์ ล่ำซำ กรุงเทพฯ เมื่อเร็ว ๆ นี้


ที่มา  :  http://www.kasikornbank.com
วันศุกร์ที่ 14 มีนาคม 2557 

กสิกรไทยช่วยเหลือเอสเอ็มอีธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับชาวนา

          สถานการณ์จำนำข้าวส่งผลลูกโซ่ เอสเอ็มอีเงินขาดมือหลังชาวนาไม่มีเงินจ่ายคืน กสิกรไทยออกมาตรการพักชำระเงินต้น 3-6 เดือน พร้อมให้เงินกู้เพิ่มเสริมสภาพคล่อง ส่งทีมงานลงพื้นที่ดูแลช่วยลูกค้าที่ได้รับผลกระทบ
          นายพัชร  สมะลาภา  รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า จากการที่ชาวนายังไม่ได้รับเงินจากโครงการรับจำนำข้าว ได้ส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ถึงธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง อาทิ ผู้ค้าปุ๋ย เคมีภัณฑ์ ผู้ค้าเมล็ดพันธุ์ ผู้ค้าเครื่องจักรการเกษตร และให้เช่าเครื่องจักรการเกษตร เนื่องจากโดยปกติช่วงเดือนเมษายนของทุกปี เป็นช่วงเวลาที่ชาวนาจะมาเบิกปุ๋ย เมล็ดพันธุ์ เคมีภัณฑ์ และเครื่องจักร จากร้านค้าของผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ที่ได้ให้เทอมการชำระเงินกับชาวนาเป็นเวลา 3 -6 เดือน และมีกำหนดชำระคืนหลังจากชาวนาได้รับเงินจากโครงการจำนำข้าว ซึ่งต้องได้เงินคืนในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา  แต่จนถึงปัจจุบันจากผลกระทบของโครงการรับจำนำข้าว ทำให้ชาวนายังไม่มีเงินมาชำระคืนค่าปุ๋ย เคมีภัณฑ์ เมล็ดพันธุ์ที่ติดค้าง และค่าเครื่องจักร รวมทั้งไม่มีเงินมาซื้อสินค้าทางการเกษตรเพื่อเตรียมการผลิตในฤดูกาลใหม่ ทำให้กลุ่มเอสเอ็มอีที่เป็นร้านค้าเกี่ยวเนื่องกับการเกษตรได้รับผลกระทบไป ด้วย
          ผลกระทบต่อเอสเอ็มอีแม้จะยังไม่รุนแรง เนื่องจากยังมีทุนเดิมที่สามารถนำมาหมุนเวียนและชำระหนี้ธนาคารได้ระดับ หนึ่ง แต่ได้เริ่มเห็นสัญญาณว่า บางส่วนมีการชำระหนี้ล่าช้าบ้างแล้ว หากปล่อยไว้อาจส่งผลให้ขาดสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจ ทำให้การเดินบัญชีของลูกค้าลดลง และไม่กล้าลงทุนต่อเนื่อง เพื่อขอรอดูสถานการณ์ว่าจะคลี่คลายไปในทิศทางใด
          นายพัชร กล่าวเพิ่มเติมว่า ธนาคารกสิกรไทยมองว่า หากการชำระเงินค่าจำนำข้าวแก่เกษตรกรยืดเยื้อออกไป จะยิ่งส่งผลกระทบกับเอสเอ็มอีในกลุ่มธุรกิจดังกล่าวมากขึ้น ดังนั้นจึงได้ส่งทีมงานเข้าไปติดตามดูแลอย่างใกล้ชิด และออกโปรแกรมช่วยเหลือลูกค้าเอสเอ็มอีของธนาคาร ฯ เพื่อบรรเทาผลกระทบที่จะเกิดขึ้น ด้วยการพักชำระเงินต้น และให้ลูกค้าสามารถผ่อนชำระเฉพาะดอกเบี้ยนาน 3-6 เดือน เพื่อช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้ลูกค้า  นอกจากนี้ ธนาคาร ฯ ได้เตรียมให้วงเงินสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องให้ลูกค้าที่เป็นผู้จำหน่าย ปัจจัยการผลิตแก่ชาวนา ประกอบด้วยกลุ่มผู้ค้าปุ๋ยและเคมีภัณฑ์ทางการเกษตร  กลุ่มผู้ค้าเครื่องจักรและอุปกรณ์ทางการเกษตรและกลุ่มบริการทางการเกษตร 
          ทั้งนี้ ธนาคารฯ มีลูกค้าที่อยู่ในกลุ่มธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับการเกษตรที่อาจได้รับผลกระทบ จากโครงการรับจำนำข้าวรวม 4,537 ราย ยอดสินเชื่อคงค้างรวม 13,683 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 2.75 ของยอดสินเชื่อเอสเอ็มอีทั้งหมดของธนาคาร ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ในธุรกิจค้าปุ๋ย เคมีการเกษตร และโรงสี ที่อยู่ในภาคอีสานเป็นหลัก โดยตั้งแต่เดือนตุลาคม 2556 ที่เริ่มเกิดปัญหาในโครงการรับจำนำข้าว จนถึงปัจจุบัน ธนาคารได้อนุมัติวงเงินสินเชื่อเพิ่มให้กับลูกค้าในกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยว เนื่องกับการเกษตร รวม 1,030 ล้านบาท  ซึ่งธนาคารคาดหวังว่ามาตรการในการช่วยเหลือของธนาคารในครั้งนี้ จะช่วยให้ลูกค้ามีสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจไปได้ระยะหนึ่ง จนกว่าปัญหาเรื่องการชำระเงินค่าจำนำข้าวจะคลี่คลาย



ที่มา :  http://www.kasikornbank.com
วันพฤหัสบดีที่ 13 มีนาคม 2557 

กสิกรไทย ตอบสนองนโยบาย กนง. ปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้ลง 0.13% เงินฝากออมทรัพย์ลง 0.13% มีผล 14 มี.ค. 2557

         นายปรีดี ดาวฉาย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ธนาคารได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อตอบสนองนโยบาย กนง. ในการเพิ่มแรงสนับสนุนให้กับภาวะเศรษฐกิจในประเทศและลดต้นทุนในการทำธุรกิจ ให้กับลูกค้าของธนาคาร โดยปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายใหญ่ชั้นดีลง 0.13% จากเดิม 6.88% เป็น 6.75% และปรับอัตราดอกเบี้ยลูกค้ารายใหญ่ชั้นดีประเภทเงินเบิกเกินบัญชีเป็น 7.40%
          สำหรับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์บุคคลธรรมดาได้ปรับลดลง 0.13% จากเดิม 0.63% เป็น 0.50% และปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำลง 0.15%-0.25% มีผลตั้งแต่วันที่ 14 มี.ค. 2557 เป็นต้นไป

 
 
 
ที่มา : http://www.kasikornbank.com
วันพฤหัสบดีที่ 13 มีนาคม 2557



กสิกรไทยส่งตัวช่วยรวมสินทรัพย์ทุกสถาบันการเงินไว้ที่เดียว

            กสิกรไทยส่ง K-Expert MyPort ผู้จัดการสินทรัพย์ออนไลน์ นวัตกรรมใหม่ล่าสุดเจ้าแรกเจ้าเดียวในไทยที่รวมและช่วยจัดการสินทรัพย์ทุก ประเภทจากทุกสถาบันการเงินไว้ในที่เดียว สะดวกในการตั้งเป้าหมายการเงิน และช่วยวางแผนการออม ติดตามผลให้บรรลุเป้าหมายได้เร็วขึ้น ตั้งเป้าลูกค้าใช้บริการ 100,000 รายในสิ้นปี
          นายทวี  ธีระสุนทรวงศ์  ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า จากการรวบรวมข้อมูลลูกค้าที่ใช้บริการที่ปรึกษาทางการเงินกับ K-Expert  ที่มีจำนวนมากถึง 120,000 รายต่อปี  พบว่าลูกค้าส่วนใหญ่จะมีสินทรัพย์หลากหลายประเภท และใช้บริการกับหลายสถาบันการเงิน ทำให้รวบรวมข้อมูลสินทรัพย์ทั้งหมดได้ยาก ส่งผลให้มองไม่เห็นภาพรวมของสินทรัพย์ของตัวเอง และไม่สามารถวางแผนเพื่อเป้าหมายในระยะยาวได้ 
           ดังนั้นธนาคารกสิกรไทย จึงได้คิดค้นนวัตกรรมการวางแผนการเงินใหม่ล่าสุดเพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำ ดิจิตอล แบงกิ้ง (Digital Banking) ด้วยโปรแกรม K-Expert  MyPort ผู้จัดการสินทรัพย์ออนไลน์ ที่สามารถรวมสินทรัพย์ทั้งหมดที่มีอยู่กับธนาคารกสิกรไทยในบริการ K-Cyber Service ทุกประเภทมาแสดงในจอเดียว และสามารถเพิ่มสินทรัพย์ที่มีอยู่กับสถาบันการเงินทุกแห่งหรือสินทรัพย์อื่น ๆ ไว้ในหน้าจอเดียว ไม่ว่าจะเป็นเงินฝาก กองทุน หุ้น ทองคำ ที่ดิน  อีกทั้งยังสามารถปรับมูลค่าของกองทุนและมูลค่าหุ้นได้โดยอัตโนมัติ  ทำให้ลูกค้าสามารถทราบมูลค่าและประเภททรัพย์สินของตนเองทั้งหมดซึ่งจะช่วย ให้การบริหารจัดการสินทรัพย์ทั้งหมดง่ายขึ้น อีกทั้งยังมีเครื่องมือในการตั้งเป้าหมายและติดตามความคืบหน้าของเป้าหมาย การออม รวมถึงสามารถส่งอีเมลขอคำแนะนำทุกเรื่องทางการเงินจาก K-Expert เพื่อช่วยให้ลูกค้าบรรลุเป้าหมายได้ตามความต้องการได้ ทั้งนี้ธนาคารฯ ตั้งเป้าหมายผู้สมัครใช้บริการ K-Expert MyPort ไว้ 100,000 รายภายในสิ้นปี
          K-Expert MyPort นับเป็นนวัตกรรมใหม่ในการจัดการและบริหารการเงินส่วนบุคคลที่ทันสมัยที่สุด ที่ธนาคารกสิกรไทยพัฒนาขึ้นเป็นธนาคารแรก ผู้สนใจสามารถสมัครใช้บริการฟรี โดยไม่มีค่าธรรมเนียมการสมัครและใช้งาน โดยลูกค้าต้องสมัครใช้บริการ K-Cyber Banking ซึ่งเป็นหนึ่งในบริการ K-Cyber Service ของธนาคารก่อน ทาง ตู้ ATM สาขา หรือ www.kasikornbank.com ทั้งนี้ สำหรับลูกค้าที่สมัครใช้บริการตั้งแต่วันนี้ – 30 เมษายนนี้ รับสิทธิพิเศษ 2 ต่อ ต่อที่ 1 สมัครปุ๊บรับปั๊บ Gift Voucher จากห้างเซ็นทรัล มูลค่า 100 บาท 1,000 ท่านแรกต่อเดือน ต่อที่ 2 รับทันทีเมื่อสร้างเป้าหมายทางการเงินกับ K-Expert MyPort  รับฟรีคูปองดอกเบี้ยพิเศษเงินฝากคล่องตัวครอบครัวอุ่นใจ 9 เดือน บวกเพิ่ม 0.3% ต่อปี พร้อมรับสิทธิ์จับรางวัล iPad Mini Retina Wifi 16 GB มูลค่า 13,400 บาท จำนวน 1 เครื่องต่อเดือน 




ที่มา  :  http://www.kasikornbank.com
วันศุกร์ที่ 7 มีนาคม 2557